หมวกเซฟตี้ หรือที่เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หมวกนิรภัย มีไว้สำหรับสวมใส่ศีรษะ ขณะทำงาน เป็นสิ่งที่องค์กร หรือบริษัทที่ดำเนินกงานเกี่ยวกับ เครื่องจักร และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ต้องมีไว้สำหรับพนักงานสวมใส่ เพื่อป้องกันวัตถุจากที่สูงหล่นลงมาใส่ศีรษะ และช่วยปกป้องจากการลื่นล้มกระแทกพื้น เพราะหมวกเซฟตี้จะทำหน้ากระจายแรงกระแทกให้เป็นบริเวณกว้าง ช่วยดูดซับแรงกระแทกให้เบาลง ซึ่งจะช่วยให้ ลดการบาดเจ็บที่เสี่ยงถึงชีวิตได้
หมวกเซฟตี้ สำคัญอย่างไร
เนื่องจากอุบัติเหตุจากการทำงาน เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ยกตัวอย่างเช่น สิ่งของตกจากที่สูง การลื่นล้มในพื้นที่ที่ปฏิบัติงาน หมวกเซฟตี้จึงมีความสำคัญในแง่ของ การช่วยลดอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นอันจะทำให้เสียชีวิตได้ เหมาะกับการสวมใส่ ในสถานที่ทำงาน ที่มีความเสี่ยงอันตราย จากสิ่งของหล่นจากที่สูง พื้นที่การทำงานที่ยังไม่เรียบร้อย โดยมีคุณสมบัติคือ ทนต่อการกระแทก การเจาะทะลุ รวมไปถึงช่วยกันกระแสไฟ้ฟ้าได้ เราจึงต้องสวมหมวกเซฟตี้ทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ส่วนประกอบของหมวกเซฟตี้
- เปลือกหมวก ทำด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทำจากพลาสติก ไฟเบอร์กลาส หรืออลูมิเนียม
- รองในหมวก ส่วนที่ทำให้หมวกกระจายแรงกระแทกออกไปโดยรอบหมวก
- สายคาดศีรษะ คุณสมบัติเหนียวนิ่ม ช่วยเพิ่มความกระชับขณะสวมใส่ สามารถปรับได้ตามขนาดศีรษะ
- สายรัดคาง ช่วยป้องกันไม่ให้หมวกหล่นขณะสวมใส่ สามารถปรับระดับได้
- แถบซับเหงื่อ เพื่อป้องกันมิให้เหงื่อไหลเข้าตาขณะปฏิบัติงาน
หมวกเซฟตี้ใช้กับงานประเภทใดบ้าง
- หมวกเซฟตี้สำหรับใช้กันไฟฟ้าแรงสูง ตัวหมวกมีพลาสติก และแบบไฟเบอร์กลาส เป็นส่วนประกอบ เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้า เช่น งานช่างไฟฟ้า ช่างเดินสายไฟ
- หมวกเซฟตี้สำหรับงานที่ต้องทำในบริเวณที่มีความร้อน ตัวหมวกทำด้วยวัสดุจากโลหะ เหมาะสำหรับงานขุดเจาะน้ำมัน หรือช่างเชื่อม โดยที่ตัวหมวกไม่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้
- หมวกเซฟตี้ที่สามารถทนความร้อนสูง ตัวหมวกมีพลาสติก และแบบไฟเบอร์กลาส เป็นส่วนประกอบ เหมาะสำหรับใช้ในงานดับเพลิง และงานเหมือง โดยที่ตัวหมวกมีคุณสมบัติพิเศษ ที่สามารถทนไฟ ต้านทานการลุกไหม้ได้
- หมวกเซฟตี้สำหรับการใช้งานทั่วไป ตัวหมวกมีพลาสติก และแบบไฟเบอร์กลาส เป็นส่วนประกอบ ใช้ในงานทั่วไป หรือในโรงงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง งานติดตั้ง พนักงานขนส่งสินค้า
หมวกเซฟตี้เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง
ในพื้นที่ปฏิบัติงาน เราไม่จำเป็นต้องสวมหมวกเซฟตี้ตลอดเวลาก็ได้ หากประเมินความเสี่ยงแล้วว่า พื้นที่ปฏิบัติงานนั้น ไม่มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับเราได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับกฎข้อบังคับของแต่ละองค์กร ที่จะแตกต่างกันไป ไม่มีหมวกเซฟตี้รุ่นใด ที่จะสมบูรณ์แบบสำหรับทุกคน
เกณฑ์การเลือกหมวกเซฟตี้ มีดังนี้
- เลือกใช้หมวกเซฟตี้ ที่มีขนาดพอดีกับผู้สวมใส่ และต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฎิบัติงาน
- หมวกเซฟตี้ต้องมีสีสันที่เด่นชัด มีน้ำหนักเบา
- ควรมีการเปลี่ยนหมวกเซฟตี้ใหม่ หากมีรอยร้าวจากการได้รับการกระแทกมาแล้ว หรือการสัมผัสกับอากาศที่เป็นพิษ
- หมวกเซฟตี้ต้องได้มาตรฐานรับรองผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และเป็นไปตามข้อกำหนดของสถาบันที่น่าเชื่อถือ
- เลือกใช้หมวกเซฟตี้ให้เหมาะกับลักษณะงาน
ในการเลือกซื้อสินค้า เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน แบรนด์สินค้าที่น่าเชื่อถือก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น โอทีอินเตอร์เทรด ได้ทำการเลือกวัสดุที่ป้องกันอันตราย ให้กับศีรษะของคุณได้ ทนทานต่อแรงกระแทก และถ้าเราก็มีให้เลือกถึง 3 รุ่น ให้เหมาะสมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
1. หมวกเซฟตี้ S-GUARD
หมวกเซฟตี้ S-GUARD เหมาะสำหรับป้องกันอันตรายที่เกิดจากเศษวัสดุ หรือสิ่งของตกใส่ศีรษะ มีทั้งแบบปรับเลื่อน และปรับหมุน ผลิตจาก ABS ที่มีความทนทาน และสวยงาม และ HDPE ในการเลือกหมวกเซฟตี้ก็มีความสำคัญ เพราะหมวกมีหลายรูปแบบ เราจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่ทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด
หมวกเซฟตี้ S-GUARD J1 (Safety Helmet) ออกแบบเพื่อ เพิ่มความสบายในการสวมใส่ สวยงาม ดูดี ทั้งยังระบายอากาศได้ดี ระหว่างการสวมใส่หมวกเซฟตี้รุ่นนี้อีกด้วย ขอบหมวกมีรางรอบเพื่อรองรับน้ำฝน และหมวกเซฟตี้ S-GUARD
- ผ่านมาตรฐาน : มอก. 368-2554
- ตัวหมวกเซฟตี้ผลิตจาก ABS และมีรองใน : 6 จุด
- ระบบล็อค สามารถปรับเลื่อน หรือปรับหมุนได้
- หมวกเซฟตี้ มีทั้ง 7 สี คือ ขาว เหลือง น้ำเงิน ฟ้า เขียว ส้ม แดง
2. หมวกเซฟตี้ MAPLE
หมวกเซฟตี้ สำหรับป้องกันอันตรายที่เกิดจากเศษวัสดุ สิ่งของตกใส่ศีรษะ และกันแดดขณะปฏิบัติงาน เหมาะสำหรับวิศวกร ผู้คุมไซท์งานกลางแจ้ง ผู้รับเหมา พนักงานขับรถกลางแจ้ง พนักงานขับรถในคลังสินค้า
- ตัวหมวกผลิตจาก ABS พลาสติกที่มีความหนาแน่นสูง ทนทานพิเศษ
- หมวกเซฟตี้ ผ่านมาตรฐาน มอก. 368-2554 ชั้นคุณภาพ C (THAI INDUSTRIAL STANDARD TIS 368-2554 CLASS C )
- มีช่องระบายอากาศหน้า และหลัง รูปแบบทันสมัย
- มีสายคาดศีรษะผลิตจากพีวีซี ปรับขนาดได้จาก 500 มม. ถึง 600 มม.
- ตัวยึดเปลือกหมวกผลิตจาก PE พอลิเอทิลีน คือ พลาสติกที่มีความหนาแน่นสูง
- มีแถบซับเหงื่อด้านใน Sweat Band ผลิตจากผ้าใบผสม PVC มีความอ่อนนุ่ม
- ไม่ระคายเคืองผิว และกันเหงื่อไหลเข้าตาขณะทำงาน
- สายรองศีรษะด้านในผลิตจากวัสดุไนล่อน 23 มม. x 1 มม.
- สายรัดคาง Elastic กว้าง 20 มม. ปรับขนาดได้
- รองในจำนวน 6 จุด
- ปรับความกระชับหมวกด้วยตัวล็อค แบบปรับเลื่อน / แบบปรับหมุน
3. หมวกเซฟตี้ GENIUS
หมวกเซฟตี้ GENIUS เหมาะสำหรับป้องกันอันตรายที่เกิดจากเศษวัสดุ หรือสิ่งของตกใส่ศีรษะ มีทั้งแบบปรับเลื่อน และปรับหมุน วัตถุดิบ ABS ที่มีความทนทาน และมีสีสวย และ HDPE หมวกเซฟตี้ที่ดีต้องได้มาตรฐานรับรอง เพราะเมื่อผู้ปฏิบัติงานสวมใส่แล้ว จะรู้สึกปลอดภัย และในการเลือกหมวกเซฟตี้ก็มีความสำคัญ เพราะหมวกมีหลายรูปแบบ เราจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่ทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด
- หมวกเซฟตี้ GENIUS (Safety Helmet)
- ผ่านมาตรฐาน: มอก. 368-2554
- หมวกเซฟตี้ผลิตจาก HDPE / ABS และมีรองใน: 6 จุด
- ระบบล็อคสามารถปรับเลื่อน หรือปรับหมุน
- หมวกเซฟตี้สี 5 สี คือ ขาว เหลือง น้ำเงิน เขียว ส้ม
จะเห็นได้ว่า หมวกเซฟตี้มีให้เลือกมากมายหลายสี ซึ่งแต่ละสี บอกได้ถึงตำแหน่ง หน้าที่ และมีความหมายในตัวเองทั้งสิ้น
- สีแดง หรือสีส้ม – สำหรับเจ้าหน้าที่งานดับเพลิง ช่างเชื่อม และการทำงานที่เกี่ยวกับความร้อน
- สีเขียว – สำหรับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย
- สีเหลือง – สำหรับพนักงานทั่วไป
- สีน้ำเงิน – สำหรับช่างไฟฟ้า ช่างไม้ และเจ้าหน้าที่เทคนิคอื่นๆ
- สีขาว – สำหรับวิศวกร ผู้บริหาร หัวหน้างาน และผู้เยี่ยมชม
การดูแลรักษาหมวกเซฟตี้
- ควรทำความสะอาดทั้งตัวหมวก และอุปกรณ์ ทุกครั้ง หลังใช้งาน โดยใช้น้ำสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือทุกวัน
- เก็บหมวกเซฟตี้ในสถานที่ที่เหมาะสม ไม่วางไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เพราะจะทำให้วัสดุพลาสติกเสื่อมสภาพเร็ว
- ไม่ควรนำหมวกเซฟตี้ที่มีรอยแตกร้าวมาใช้งาน
- ไม่โยนหมวกเซฟตี้จากที่สูง เพราะตัวหมวกอาจเสียหายได้
- ไม่ควรใช้สารเคมี หรือสารละลายทำความสะอาดหมวกเซฟตี้ เพราะจะทำให้วัสดุภายในเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
ข้อแนะนำความปลอดภัยในการใช้หมวกเซฟตี้
- ห้ามใช้หมวกเซฟตี้ ที่ไม่มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม
- ต้องสวมหมวกเซฟตี้ให้กระชับพอดีกับศีรษะ สายรัดคางต้องอยู่บริเวณใต้คางเท่านั้น
- ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าแรงสูง ต้องสวมหมวกเซฟตี้ ที่สามารถป้องกันไฟฟ้าได้
- ตรวจสอบหารอยร้าว รอยชำรุด และการเสื่อมสภาพต่างๆ ก่อนนำมาใช้งาน
- ห้ามมีการดัดแปลงสภาพหมวกเซฟตี้ ซึ่งอาจทำให้สูญเสียคุณภาพในการป้องกันศีรษะ
- เมื่อสวมใส่หมวกเซฟตี้ จะลดประสิทธิภาพในการได้ยินเสียง และบดบังทัศนียภาพในการมองเห็น ดังนั้น ผู้สวมใส่จำเป็นต้องมีสติในการทำงานตลอดเวลา
สรุป
จะเห็นได้ว่าหมวกเซฟตี้นั้น เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยลดอันตราย ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในขณะทำงานได้ ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับหมวกเซฟตี้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิต และการเลือกหมวกนิรภัยที่ดี ต้องเลือกที่เหมาะสมกับงานที่ทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน และต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด สวมใส่หมวกนิรภัยทุกครั้ง ที่ต้องทำงานที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และอันตรายจากสิ่งของตกใส่ศีรษะ